ท่านอิมามอาลี บินฮุเซน อิหม่ามคนที่สี่ของชาวชีอะฮ์ มีฉายานามว่า ซัจญาด และซัยนุลอาบิดีน เกิดในวันที่ห้าของเดือนเชาวาลในปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 37 ในเมืองมะดีนะฮ์ ตามแหล่งที่มาของประวัติศาสตร์อิสลาม บันทึกไว้ว่า บิดาผู้เป็นที่รักของท่านคือ อิหม่ามฮุเซน ขอความสันติจงมีแด่ท่าน และมารดาผู้สูงศักดิ์ของท่านคือท่านหญิง สะลามะฮ์ หรือเป็นที่รู้จักกันในนามวา Ghazaleh อิหม่ามสัจจาด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดระหว่างการเป็นผู้นำของ
คมดาบและหัวใจ “หัวใจของพวกเขาอยู่กับท่านก็จริง แต่คมดาบของพวกเขากำลังมุ่งประหารท่าน” ประโยคหนึ่งที่เป็นประโยคที่แสนจะขมขื่นที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์คือประโยคที่ว่า “หัวใจของพวกเขาอยู่กับท่านก็จริง แต่คมดาบของพวกเขากำลังมุ่งประหารท่าน” เรื่องราวเกี่ยวกับประโยคข้างต้นนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ “เมาซูอะฮ์ กะลีมาต อิมามฮุเซน (อ) ” โดยกล่าวไว้ว่า – เมื่อครั้งที่ท่านอิมามฮุเซน (อ) ได้เดินทางออกจากเมืองมะดีนะฮ์ท่านได้พบกับนักกวีหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ฟะรอซดัก ท่านอิมามถามถึงสถานการณ์ในเมืองกูฟะฮ์ ฟะรอซดัก กล่าวตอบว่า –
แบบฉบับความละอายจากบุตรสาวแห่งท่านศาสดาชุอัยบ์(อ) เมื่อท่านศาสดาชุอัยบฺ(อ)พบว่าท่านศาสดามูซา(อ)เป็นชายหนุ่มผู้มีเกียรติมีคุณธรรมและรักนวลสงวนตัวจึงว่าจ้างเขาเพื่องานในไร่นาอีกทั้งยังจัดการสมรสให้ท่านศาสดามูซา(อ)กับบุตรสาวของตน,ให้สถานที่พักพิงใกล้บริเวณงานแก่ท่านอีกด้วย قَالَ إِنِّي أُرِيدُ أَنْ أُنكِحَكَ إِحْدَى ابْنَتَيَّ هَاتَيْنِ عَلَى أَن تَأْجُرَنِي ثَمَانِيَ حِجَجٍ فَإِنْ أَتْمَمْتَ عَشْرًا فَمِنْ عِندِكَ وَمَا أُرِيدُ
“วะฮ์ยู”1 ตามความเชื่อของนักวิชาการและนักค้นคว้าด้านอัล กุรอานเชื่อว่า อัลกุรอานมีความสัมพันธ์โดยตรงกับคำว่า วะฮ์ยู และทุกคนยังมีความเชื่ออีกว่าการพิจารณาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องวะฮ์ยู เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคว้าเกี่ยวกับอัล กุรอาน ดังนั้นในฉบับนี้จะขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านในเรื่องวะฮ์ยู เพื่อเป็นก้าวแรกไปสู่การทำความเข้าใจอัล กุรอาน (more…)
واعتصموابحبل اللةجميعاولاتفرقوا “จงยึดสายเชือกของอัลลอฮ์อย่างพร้อมเพรียงกัน และจงอย่าแตกแยกกัน” (ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน โองการที่ 103) (more…)
วิถีฮุเซน (อ.) ผู้นำมวลมนุษยชาติท่านที่ 3 ตามแนวทางของชีอะฮ์อิมามียะฮ์ คือ อิมามฮุเซน (อ.) ท่านประสูติในวันที่ 3 เดือนชะอ์บาน ปี ฮ.ศ. ที่ 4 ในเมืองมะดีนะฮ์ ท่านเป็นบุตรคนที่สองของอิมามอะลี (อ.) กับท่านหญิงฟาติมะฮ์ (อ.)
เดือนมุฮัรรอม เดือนมุฮัรรอมเป็นเดือนแห่งความโศกเศร้าของอะฮ์ลุลบัยต์และผู้ที่ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ อิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่า : “เมื่อเดือนมุฮัรรอมมาเยือน ไม่มีใครเห็นบิดาของฉันยิ้มเลย ท่านจะโศกเศร้าจนกระทั่งถึงวันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอม และวันที่ 10 นี้เองเป็นวันแห่งความโศกเศร้าและร้องให้ของท่าน และท่านกล่าวว่า วันนี้แหละคือวันที่พวกเขาได้ฆ่าฮุเซน (อ.)” มุฮัรรอม ในมุมมองของชีอะฮ์
هُوَ الَّذِي أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَى وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ وَلَوْ كَرِهَ الْمُشْرِكُونَ “พระองค์คือผู้ทรงส่งรอซูลของพระองค์ด้วยการชี้นำทาง และศาสนาแห่งสัจธรรมเพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งมวล ถึงแม้พวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตาม” (ซูเราะฮ์อัศศ๊อฟ โองการที่ 9)
เมื่อพิจารณาถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอิสลามโดยรวม ถ้าหากท่านอิมามอาลี (อ) ทำการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงตัดสินใจไม่ลุกขึ้นต่อสู้ ซึ่งหากพิจารณาถึงอันตรายทั้งภายในและภายนอกที่เป็นเหตุให้อะลี (อ.) ไม่คิดที่จะต่อสู้ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ได้ดังต่อไปนี้ 1 ถ้าหากอิมาม(อ.) ได้ใช้อำนาจและต่อสู้โดยใช้อาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อยึดการปกครองคืนมาท่านก็จะสูญเสียบรรดาบุคคลที่เป็นที่รักที่เชื่อในความเป็นผู้นำของท่านอย่าจริงใจ นอกเหนือจากนี้แล้วหลายกลุ่มด้วยกันที่เป็นสาวกของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ซึ่งไม่พอใจกับการปกครองของท่านอิมาม(อ.) ก็จะถูกสังหาร ซึ่งกลุ่มนี้นั้นถึงแม้พวกเขาจะมีจุดยืนที่ตรงข้ามกับท่านอิมาม(อ.)ในประเด็นเกี่ยวกับผู้นำและมีความแค้นเคืองต่อท่านและพวกเขาไม่พอใจที่จะให้อิมามอะลี (อ.) ทำการปกครองแต่พวกเขาก็ไม่มีความขัดแย้งกับท่านในเรื่องอื่น อย่างไรก็แล้วแต่การถูกสังหารของบุคคลกลุ่มนี้นั้นจะทำให้อำนาจในการเผชิญหน้ากับผู้ตั้งภาคี ผู้กราบไหว้เจว็ด
ความละอายคือความรู้สึกผิดหรือความละอายใจที่เกิดจากการสำนึกผิดจากการมีพฤติกรรมที่ไร้เกียรติและน่ารังเกียจ (more…)