คู่สนทนาของอัลกุรอาน จำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่อง “คู่สนทนาของอัลกุรอาน”ว่า แต่ละสำนักคิด ศาสนาไม่ว่าจะเป็นเทวะนิยมหรือเป็นแนวทางที่ถูกสร้างขึ้นมาต้องมีคู่สนทนาของตนเองทั้งสิ้น ซึ่งคู่สนทนาของแต่ละกลุ่มนั้นย่อมแตกต่างกัน (more…)
หลายสัปดาห์เข้าไปอ่านเว็บไซต์ ภาษาฟาร์ซีเว็บนึงเป็นเว็บดีมากมีบทความหลากหลายมากมายเลยทีเดียว ก็เลยหยิบมาแปล เป็นบทความสั้น ๆ ที่บอกถึงคุณลักษณะของผู้ศรัทธาที่แท้จริง (more…)
อุปกรณ์การเขียนหนังสือในสมัยการประทานอัลกุรอานนั้นเป็นอุปกรณ์ง่าย ๆ มุสลิมใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งที่สามารถนำมาเขียนบนสิ่งนั้นได้ ในการรวบรวมฮะดีษและการบันทึกอัลกุรอานก็ได้กล่าวถึงอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านอัลกุรอานมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในเรื่องนี้ (more…)
บทเรียนวิเคราะห์สถานการณ์โลก ครั้งที่ 1 โดย อ.ฟารีด เด่นยิ่งโยชน์
จากทัศนะของอัลกุรอาน ความสัมพันธ์ระหว่างกิจการงานของมนุษย์กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขานั้น ถือเป็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงมาจากกำหนดสภาวะการณ์แห่งองค์ผู้อภิบาล (more…)
-ความยุติธรรมและหลักธรรมาภิบาลของท่านอิมามอะลี(อ)- ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวถึงความยุติธรรมของอิมามอะลีว่า... “มือของข้าและมือของอะลี เหมือนกันในความเป็นธรรมและความยุติธรรม และผู้ที่รักษาสัญญาดีที่สุด และผู้ที่มีความทรงธรรมและยุติธรรมที่สุดของพวกท่านในเรื่องการแบ่งทรัพสิน และสิทธิของประชาชน ณ องค์อัลลอฮคือท่านอะลี”(อิมามอะลี บิน อะบีฎอลิบ หน้า ๔๙๒) ในวันแรกของการปกครองท่านอิมามอะลี ท่านได้ขึ้นมิมบัรปราศรัย ด้วยการสรรเสริญและสดุดีต่อองค์อัลลอฮ แล้วกล่าวว่า...”ขอสาบานต่ออัลลอฮ ตราบเท่าที่ฉันยังมีต้นอินทผาลัมอยู่ แม้เพียงต้นเดียว ฉันก็จะไม่หยิบเอาเงินส่วนกลางมาใช้เด็ดขาด พวกท่านจงคิดให้ดีเถิด
อิมามอาลีในสงคราม ตลอดระยะเวลาสิบปีหลังการอพบยบของท่านศาสดาและบรรดาสาวกมามะดีนะฮ์ รัฐอิสลามของท่านศาสดา กลุ่มยิวและคริสต์ให้การสนับสนุนพวกมุชริกในการต่อต้านและทำสงครามกับมุสลิม ทำให้มุสลิมต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องตนเอง สงครามระหว่างมุสลิมกับพวกมุชริกที่ได้เกิดขึ้นเกือบจะทั้งหมดเป็นสงครามในรูปแบบการปกป้องตนเอง และในทุกสงครามที่เกิดขึ้น อิมามอาลี คือผู้กล้าและนักรบคนสำคัญอย่างไม่มีใครปฏิเสธได้ อิมามอาลีในสงครามบะดัร สงครามแรกที่เกิดขึ้นระหว่างมุสลิมกับศัตรูคือสงครามบะดัร ฝ่ายศัตรมีกองกำลังจำนวนถึง ๙๕๐ คน จัดทัพมาพร้อมอาวุธครบมือ เดออกมาจากนครมะกะฮ ส่วนฝ่ายศาสดา(ศ)มีกองกำลังแค่เพียง ๓๑๓ คนได้เดินทางออกจากมะดีนะฮ ทั้งสองกองทัพมาเผชิญหน้ากันในพื้นที่ที่มีชื่อเรียกว่า “บะดัร” เนื่องจากกองกำลังของมุสลิมมีจำนวนน้อยกว่า ทำให้อุตบะฮกล่าวว่า
อัรบาอีน การแสวงบุญที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ทำไมเราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน? การเคลื่อนไหวเพื่อแสวงบุญนี้ไม่ใช่ฮัจญ์หรือเทศกาลมหากุมภะเมลาของชาวฮินดู การเคลื่อนไหวนี้เรียกว่า `อัรบาอีน' และเป็นการรวมตัวที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากที่สุดในโลก คุณอาจไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน.. ไม่เพียงแต่การรวมตัวนี้จะมีจำนวนมากกว่าผู้แสวงบุญในมักกะฮ์เท่านั้น (มากกว่าฮัจญ์ 5 เท่า) ยังมีความสำคัญและน่าสนใจมากกว่าเทศกาล ٌมหากุมภะเมลาٌ ด้วย เนื่องจาก มหากุมภะเมลาจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวทุกสามปี แต่อัรบาอีนจัดขึ้นทุกปีและผู้เข้าร่วมในปีที่แล้วมีถึง 21.1 ล้านคน และกล่าวได้โดยชัดเจนก็คือ
การเก็บรักษาและการเขียนบันทึกฮะดิษ น่าจะไม่มีข้อสงสัยและข้อครางแครงใจเลยว่าท่านศาสดาและบรรดาอิมามเน้นให้มุสลิมท่องจำและจดบันทึกฮะดิษ คำพูดและรายงานมากมายที่บรรดาอิมามเรียกร้องให้เรียนรู้ สนทนาและท่องจำฮะดิษเป็นหลักฐานยืนยันเรื่องนี้อย่างชัดเจน ท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) กล่าวว่า من حفظ من امتی اربعین حدیثا بعثه الله یوم القیامه عالما فقیها و یعذبه ฮะดิษบทนี้มีรายงานไว้ทั้งสายซุนนีย์และชีอะฮ์ โดยมีตัวบทที่หลากหลาย ท่านอัลลามะฮ์มัจลิซีย์
-ผู้ปกครองรัฐต้องหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจรัฐแบบเผด็จการ- เป็นไปได้ถ้าพิจารณาการปกครองในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าในประเทศที่เป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิม บางประเทศได้นิยมในการปกครองแบบเผด็จการ หรือแบบอำนาจนิยม โดยประชาชนไม่มีสิทธ์ไม่มีเสียงใดๆ ต้องฟังผู้ปกครองเพียงผู้เดียว แต่ทว่าการปกครองระบอบอิสลาม เป็นการปกครองขัดแย้งกับการปกครองแบบอำนาจนิยมดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง นั่นหมายความว่า ผู้ปกครองรัฐอิสลาม เป็นผู้ที่มีความเมตตาธรรม และไม่มีระบอบความเป็นเผด็จการ ดังที่องค์อัลลอฮทรงตรัสว่า.. (อาลิอิมรอน/๑๕๙) ในทัศนะของอิมามอะลีเกี่ยวกับผู้นำรัฐอิสลาม นั่นก็คือต้องไม่เป็นแบบเผด็จการหรือระบบอำนาจนิยม สาส์นฉบับหนึ่งอิมามอะลีได้เขียนถึงท่าน อัชอัส บินเกส ซึ่งเขาได้ถูกแต่งตั้งให้ปกครองรัฐอาเซอไบจันว่า... (จดหมายที่ ๕) “การปกครองเมืองนั้นไม่ใช่อาหารและอาภรณ์ของเจ้า แต่นั่นคือภารกิจและหน้าเหนือเจ้า