หนึ่งในคุณลักษณะอันทรงเกียรติที่มนุษย์ทุกคนต่างใฝ่หาคือความเป็นอมตะ ไม่ว่าจะผ่านผลงาน การกระทำ หรือผลประโยชน์ที่ตนทิ้งไว้ให้แก่สังคม ซึ่ง **ฮะดิษ** จากท่านอิมามอาลี (عليه السلام) ได้ย้ำเตือนถึงความเป็นอมตะนี้ผ่านการกระทำที่ดีงาม:
**”คนที่ทิ้งการกระทำที่ดีไว้ให้ผู้อื่นได้เจริญรอยตาม เขาย่อมไม่ตาย”**
จากคำสอนนี้ เราสามารถเรียนรู้ได้ว่ามนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานเกินกว่าระยะเวลาทางกายภาพของเขา หากเขาทิ้งคุณค่าที่เป็นประโยชน์ไว้ให้แก่สังคม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือเหล่าบุคคลที่เป็นต้นแบบในการทำความดี ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักปรัชญา หรือผู้นำศาสนา บุคคลเหล่านี้ได้ทิ้งร่องรอยแห่งความดีงามที่ยั่งยืนให้คนรุ่นหลังได้เจริญรอยตาม
### การกระทำที่ดีคือมรดกที่ยั่งยืน
คนที่ทำสิ่งดีงามและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม จะได้รับการจดจำแม้เมื่อเขาได้จากไป ความดีที่พวกเขาทำจะเป็นดั่งแสงสว่างที่คอยนำทางให้คนอื่นปฏิบัติตาม อันจะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมโดยรวม เปรียบเสมือนแสงเทียนที่ถูกจุดไว้และส่งต่อไปยังคนอื่นอย่างต่อเนื่อง
### ความเป็นอมตะผ่านการกระทำ
ในมุมมองของอิสลาม การเป็นอมตะไม่ได้หมายถึงการดำรงอยู่ในรูปแบบทางกายภาพตลอดกาล แต่หมายถึงการทิ้งคุณค่าที่เป็นบวกไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ผู้ที่ทำความดีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคมจะได้รับการกล่าวขานและจดจำอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
จากคำสอนของท่านอิมามอาลี (عليه السلام) การกระทำดีของเรานั้นไม่เพียงแต่จะส่งผลในชาตินี้เท่านั้น แต่ยังทำให้เรามีชีวิตอยู่ในความทรงจำและการกระทำของผู้อื่น นั่นคือความเป็นอมตะที่แท้จริง
**สรุป** เราควรพยายามสร้างมรดกแห่งความดีงามในชีวิตของเรา ผ่านการกระทำที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เพื่อให้เรายังคงมีชีวิตอยู่ในหัวใจและการกระทำของคนรุ่นต่อไป