บทบาทของสตรีจากคำสอนของบรรดามะศูมีน
คำสอนสั่งจากบรรดามะซูมีนจะทำให้เราเข้าใจถึงบทบาทของสตรีมากขึ้น
วจนะที่1. ท่านอิมามศอดิก(อ)ได้กล่าวว่า
أَكثَرُ الخَيرِ فِى النِّساءِ
ความดีงามและบารากัตที่มีมากที่สุดอยู่ในตัวสตรี
(มันลายะฮฺฎอรอฮุลฟากิฮฺ,เล่มที่3,หน้าที่ 385, วัจนะที่ 4352)
วจนะที่ 2 . ท่านศาสดา(ศ.)ได้กล่าวว่า
اَلمَرأَةُ الصّالِحَةُ أَحَدُ الكاسبین
สตรีผู้ประเสริฐคือหนึ่งในที่มาของความพัฒนาของครอบครัว
(บิฮารุลอันวาร , เล่มที่103,หน้าที่ 238, วัจนะที่ 39)
วจนะที่ 3. ท่านศาสดา(ศ.)ได้กล่าวว่า
اِذا حَمَلَتِ المَرأَةُ كانَت بِمَنزِلَةِ الصّائِمِ القائِمِ المُجاهِدِ بِنَفسِهِ وَ مالِهِ فى سَبيلِ اللّه ،فَاِذاوَضَعَتكانَلَهامِنَالأَجرِمالاتَدرىماهُوَلِعِظَمِهِ، فَاِذا اَرضَعَت كانَ لَها بِكُلِّ مَصَّةٍ كَعِدلِ عِتقِ مُحَرَّرٍ مِن وُلدِ اِسماعيلَ ، فَاِذا فَرَغَت مِن رَضاعِهِ ضَرَبَ مَلَكٌ عَلى جَنبِها وَ قالَ : اِستَأنِفِى العَمَلَ، فَقَد غُفِرَ لَكِ ؛
“เมื่อสตรีได้ตั้งครรภ์เท่ากับนางมีฐานะของผู้ถือศีลอดในยามกลางวัน พร้อมกับทำนมาซในยามค่ำคืน อีกทั้งเป็นผู้ต่อสู้เสียสละด้วยชีวิต และทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮฺ(ซบ) ครั้นเมื่อนางคลอดนางจะได้รับรางวัลชนิดที่นางไม่อาจล่วงรู้ว่ามีความยิ่งใหญ่เพียงใด ครั้นเมื่อนางให้นมแก่บุตรสำหรับน้ำนมทุกหยดของนางจะมีค่าเทียบเท่ากับปล่อยทาสที่เป็นลูกของนบีอิสมาอีลคนหนึ่งให้เป็นอิสระ ครั้นเมื่อนางเสร็จจากการให้นมแก่บุตรแล้วมะลาอิกะห์องค์หนึ่งจะแตะที่สีข้างของนางแล้วกล่าวว่าจงเริ่มต้นทำงานต่อไปเถิด เพราะบัดนี้ความบาปทั้งปวงได้ถูกอภัยให้แก่เธอแล้ว”
(อะมาลีศอดุก , หน้าที่ 496, วัจนะที่ 678)
วจนะที่ 4. ท่านอิมามอาลี(อ)ได้กล่าวว่า
جِهادُ المَرأَةِ حُسنُ التَّبَعُّلِ
การต่อสู้(ในหนทางของพระเจ้า)สำหรับสตรี คือการปรนิบัติสามีของเธอเป็นอย่างดี
วจนะที่ 5. ท่านศาสดา(ศ.)ได้กล่าวว่า
اَلْعَدْلُ حَسَنٌ وَلكِنْ فِى الاُْمَراءِ اَحْسَنُ، وَ السَّخاءُ حَسَنٌ وَلكِنْ فِى الاَْغْنياءِ اَحْسَنُ، اَلْوَرَعُ حَسَنٌ وَلكِنْ فِى الْعُلَماءِ اَحْسَنُ، اَلصَّبْرُ حَسَنٌ وَلكِنْ فِى الْفُقَراءِ اَحْسَنُ، اَلتَّوبَةُ حَسَنٌ وَلكِنْ فِى الشَّبابِ اَحْسَنُ، اَلْحَياءُ حَسَنٌ وَلكِنْ فِى النِّساءِ اَحْسَنُ؛
ความยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งดีงามแต่มันจะดีกว่าหากจะมาจากผู้ปกครองรัฐ ,ความเอื้ออาทรเป็นสิ่งที่ดีงามแต่จะดีกว่าหากจะมาจากคนร่ำรวย , คุณธรรมคือสิ่งที่งดงามแต่จะงดงามกว่าหากจะมาจากผู้รู้ ,ความอดทนเป็นสิ่งที่ดีงามแต่จะดีกว่าหากจะปรากฎอยู่กับผู้ขัดสน, การกลับตัวนั้นเป็นสิ่งดีงามแต่จะงดงามกว่าหากจะเกิดกับเยาวชน , ความละอายนั้นเป็นสิ่งที่ดีงามแต่จะดีที่สุดหากปรากฎอยู่ในสตรี
(นะฮญุลฟิศอฮะ, วัจนะที่ 2006,หน้าที่ 620)
วจนะที่ 6. ท่านศาสดาได้กล่าวว่า
اَلحَياءُ عَشَرَةُ أَجزاءٍ فَتِسعَةٌ فِى النِّساءِ وَواحِدٌ فِى الرِّجالِ؛
ความละอายนั้นมีอยู่ 10 ส่วน 9 ส่วนนั้นอยู่ในสตรีและ อีก 1ส่วนนั้นอยู่ในบุรุษ
(กันซุลอะมัล, เล่มที่ 3 ,หน้าที่ 121, ฮาดิษ 5769)
ครึ่งหนึ่งของประชากรบนโลกนี้ยั่งคงมีบทบาทอยู่ในสังคมไม่ว่าจะเป็นบทบาททางด้านลบอันเป็นโทษหรือบทบาทที่ดีงามและมีผลในทางด้านบวก
สังคมใดที่บรรดาสตรีมีความรู้ความสามารถ และมีศาสนามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของตนเอง ก็จะสามารถเป็นพลังสำคัญสู่การขับเคลื่อนยังความสมบูรณ์แบบของสังคมได้ และอาจจะสร้างพลังที่ดีในสังคมมากกว่าบรรดาบุรุษก็ได้และในทางกลับกันสตรี ก็อาจมีบทบาทในทางลบอันก่อให้เกิดเป็นผลเสียต่อสังคมได้มากเช่นเดียวกัน