อิสลามมาเพื่อปลดปล่อยสตรี

In ผู้หญิง

อิสลามมาเพื่อปลดปล่อยสตรี

การให้เกรียติต่อสตรี ในกรุอาน

อิสลามได้ปรากฏขึ้นในคาบสมุทรอาหรับ ซึ่งจะไม่มีสตรีที่มีเกรียติคนใดหลงเหลืออยู่  อิสลามได้มาเชิดชูสตรีให้มีเกรียติเทียบเท่าบุรุษ

1สิทธิในความเป็นสิ่งถูกสร้างและการดำรงอยู่

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ทั้งมวลขึ้นมา พร้อมกับมอบเกรียติยศและศักดิ์ศรีโดยกำเนิดให้แก่พวกเขา โดยมิได้จำแนกสีผิว เชื้อชาติ ชนชั้นและเพศ:ซูเราะฮหุญุรอต 13

يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنَّا خَلَقْنَاكُم مِّن ذَكَرٍ وَأُنثَىٰ

 وَجَعَلْنَاكُمْ شُعُوبًا وَقَبَائِلَ لِتَعَارَفُوا

إِنَّ أَكْرَمَكُمْ عِندَ اللَّهِ أَتْقَاكُمْ إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ خَبِيرٌ

โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชาย และเพศหญิง (*1*) 

และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่า และตระกูลเพื่อจะได้รู้จักกัน (*2*) 

แท้จริงผู้ที่มีเกียรติยิ่งในหมู่พวกเจ้า ณ ที่อัลลอฮ.นั้น คือผู้ที่มีความยำเกรงยิ่งในหมู่พวกเจ้า (*3*) 

แท้จริงอัลลอฮ.นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่าง


(1)  คือได้สร้างมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน คืออาดัมและเฮาวาอ. 
(2)  ความแตกต่างระหว่างเผ่า ตระกูล และประชาชาติ หรือความแตกต่างทางภาษาคำพูด ผิวพรรณ ขนบธรรมเนียมประเพณีมิได้เป็นสาเหตุให้มีการแตกแยกเป็นศัตรูกัน แต่เพื่อให้มีการรู้จักกันปรึกษาหารือกัน และร่วมมือกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม 
(3)  คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์นั้น อัลลอฮ.เป็นผู้ทรงกำเนิดนั่นก็คือผู้ที่มีเกียรติที่สุด ณ อัลลอฮ.คือผู้ที่มีความยำเกรงพระองค์มากที่สุด ผู้ที่รักษาขอบเขตและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์

 

การแบ่งแยกและการเลือกเพศจึงเป็นสิ่งที่ถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงในทัศนะของอิสลาม และการกระทำเช่นนี้ได้ถูกตำหนิในกรุอานนะห์ลิ 58-59

 และเมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวว่าได้ลูกผู้หญิง ใบหน้าของเขากลายเป็นหมองคล้ำตลอดเวลา ในสภาพของผู้เศร้าโศกเสียใจ เขาหลบซ่อนตนจากหมู่ชนเนื่องจากข่าวร้ายที่ถูกแจ้งแก่เขา เขา ครุ่นคิดแต่เพียงว่า จะเลี้ยงเขา ทารกผู้หญิงไว้อย่างอดสูหรือว่าจะฝังเขาลงในดินทั้งเป็น พึงสังวรเถิด สิ่งที่พวกเขาตัดสินนั้นช่างเลวทรามยิ่งนัก 

ซูเราะฮ อัตตักวีร 8-9

وَإِذَا الْمَوْءُودَةُ سُئِلَتْ

และเมื่อทารกหญิงที่ถูกฝังทั้งเป็นถูกถาม

بِأَيِّ ذَنبٍ قُتِلَتْ

ด้วยความผิดอันใดเขาจงถูกฆ่า

กรุอานต้องการชี้ให้เห็นว่าสถานะทางเพศมิได้เป็นตัวกำหนดว่าทารกน้อยนั้นควรจะมีชีวิตอยู่หรือไม่?

กุรอานถือว่ามนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชายต่างมีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างหนึ่ง นั่นคือสิทธิในความเป็นสิ่งถูกสร้างและการดำรงอยู่

2 สิทธิในการดำเนินชีวิตทางด้านจิตวิญญาณ

กรุอานได้กล่าวกับมนุษย์โดยรวม ไม่มีการแยกแยะในเรื่องเพศ  แต่ได้แสดงถึงการมีส่วนร่วมทั้งชาย และหญิง 

ซูเราะฮนะห์ลิ 97

مَنْ عَمِلَ صَالِحًا مِّن ذَكَرٍ أَوْ أُنثَىٰ وَهُوَ مُؤْمِنٌ فَلَنُحْيِيَنَّهُ حَيَاةً طَيِّبَةً

 وَلَنَجْزِيَنَّهُمْ أَجْرَهُم بِأَحْسَنِ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ

ผู้ใดปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา แน่นอนเราจะให้ชีวิตที่ดีแก่เขา และแน่นอนยิ่ง เราจะตอบแทนรางวัลแก่พวกเขา ด้วยสิ่งที่ดียิ่งที่พวกเขาได้เคยปฏิบัติไว้

การให้เกรียติต่อสตรี ในหะดีษ

ท่านศาสดา ได้กล่าวสาส์นครั้งสุดท้ายของท่านแก่มุสลิทั้งหลายว่า

โอ้มนุษย์ชาติทั้งหลายสตรีของพวกท่านมีสิทธิเหนือพวกท่านและพวกท่านก็มีสิทธิเหนือพวกนาง

ฉันขอสั่งใช้ให้พวกท่านทั้งหลายปฏิบัติดีต่อสตรีเพราะแท้จริงแล้วสตรีคืออะมานะฮ์ของพระเจ้าที่อยู่ในการครอบครองของพวกท่านทั้งหลาย 

สีเราะฮ์ อิบนิฮิชามเล่ม 4 หน้า 2514

3สิทธิในการศึกษาหาความรู้ไม่จำกัดเพศ

การแสวงหาความรู้เป็นหน้าที่บังคับเหนือมุสลิมทุกคนทั้งชายและหญิง 

บิฮารุลอันวาร เล่ม1 หน้า177

บทบาทของสตรีที่ให้การช่วยเหลือสังคมที่ถูกกดขี่

1 ยกเกรียติของตน รักษาเกรียติอันมีค่าเอาไว้  

2 ยกระดับด้วยความรู้และการศึกษาอิสลามให้เพิ่มมากขึ้น 

3 เป็นผู้ช่วยเหลือที่ดีที่สุด 

You may also read!

ความรู้ที่แท้จริง

รายงานจากท่านอิมามมูซากาซิมว่า เมื่อท่านศาสนทูตเดินเข้ามัสยิดเห็นคนกำลังนั่งล้อมชายคนหนึ่งอยู่ ท่านศาสนทูตถามพวกเขาว่า เกิดอะไรขึ้นหรือ พวกเขากล่าวตอบว่า ชายคนนี้คือ อัลลามะฮ์ ท่านศาสนทูตกล่าวถามว่า อัลลามะฮ์ คืออะไร ? บรรดาสาวกกล่าวตอบว่า เขาคือผู้รู้มากที่สุดในเรื่องเชื้อสายของชนชาวอาหรับ รู้ความเป็นมาของคนอาหรับในสมัยญาฮิลียะฮ์อีกทั้งรู้เรื่องบทกวีของชาวอาหรับเป็นอย่างดีด้วย ท่านศาสดามุฮัมมัดกล่าวว่า เหล่านี้คือศาสตร์ที่ไม่ได้ทำให้ผู้ไม่รู้เสียประโยชน์แต่อย่างใด หลังจากนั้นท่านศาสดากล่าวต่อว่า แท้จริงความรู้มีสามสิ่งด้วยกัน รู้โองการที่ชัดแจ้ง

Read More...

 อิมามอาลีกับความสมถะ

ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวกับท่านอิมามอะลีว่า (more…)

Read More...

คนมีปมด้อย

อิมาม ซอดิก (อ) กล่าวว่า ما مِنْ رَجُل تَجَبَّرَ أَؤ تَکَبَّرَ إلاّ لِذِلَّه یَجِدُها قِی نَفْسِهِ “ไม่มีคนใดที่แสดงความโอ้อวดและแสดงตนเหนือผู้อื่น นอกเสียจากว่าเขาพบปมด้อยที่มีในตัวของเขาเอง คำอธิบาย  มีผลสำรวจและคำยืนยันจากนักจิตวิทยาว่า ต้นตอของการโอ้อวดและการยกตนเหนือกว่าผู้อื่นมาจากปมด้อย  เป็นปมด้อยที่ผู้ที่ประสพกับปัญหาทางจิตนี้ต้องทนทุกข์ทรมาน  เพื่อเป็นการชดเชยและปกปิดปมด้อยของตัวเองจึงแสดงตนว่าเหนือกว่าผู้อื่นซึ่งถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่ง 

Read More...

Leave a reply:

Your email address will not be published.

Mobile Sliding Menu