ความรู้ที่แท้จริง

In อะฮ์ลุลบัยต์

รายงานจากท่านอิมามมูซากาซิมว่า เมื่อท่านศาสนทูตเดินเข้ามัสยิดเห็นคนกำลังนั่งล้อมชายคนหนึ่งอยู่ ท่านศาสนทูตถามพวกเขาว่า เกิดอะไรขึ้นหรือ พวกเขากล่าวตอบว่า ชายคนนี้คือ อัลลามะฮ์ ท่านศาสนทูตกล่าวถามว่า อัลลามะฮ์ คืออะไร ? บรรดาสาวกกล่าวตอบว่า เขาคือผู้รู้มากที่สุดในเรื่องเชื้อสายของชนชาวอาหรับ รู้ความเป็นมาของคนอาหรับในสมัยญาฮิลียะฮ์อีกทั้งรู้เรื่องบทกวีของชาวอาหรับเป็นอย่างดีด้วย ท่านศาสดามุฮัมมัดกล่าวว่า เหล่านี้คือศาสตร์ที่ไม่ได้ทำให้ผู้ไม่รู้เสียประโยชน์แต่อย่างใด หลังจากนั้นท่านศาสดากล่าวต่อว่า แท้จริงความรู้มีสามสิ่งด้วยกัน รู้โองการที่ชัดแจ้ง รู้บทบัญญัติและรู้แบบฉบับศาสดา นอกเหนือจากนี้เป็นกำไร

คำอธิบาย

คำอธิบายฮะดิษนี้มีประเด็นที่ต้องกล่าวถึง สามประเด็นด้วยกันประเด็นที่ 1 คือ ความรู้มีความหมายหลายความหมายด้วยกัน ความหมายแรกคือ หมายถึงความชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัย ความหมายที่สองคือ หมายถึงความรู้ทั่วไปที่ตรงข้ามกับคำว่าโง่เขลาหรือความไม่รู้ ส่วนความหมายที่สามคือหมายถึงการมีองค์ความรู้ต่อกฏเกณฑ์โดยรวมเพื่อนำองค์ความรู้นั้นมาปรับใช้กับหน่วยย่อยอื่น ๆ เป็นที่ชัดเจนว่า ความรู้ที่ฮะดิษข้างต้นต้องการสื่อให้เราเข้าใจคือ ความรู้ในความหมายที่สองและสาม 

ประเด็นที่ 2 เราสามารถมองความรู้ได้ในหลายมุมมองด้วยกันและจากความหลากหลายนี้เองความรู้จึงแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ มากมายด้วย ฮะดิษข้างต้นมองความรู้ในมุมของการมีคุณประโยชน์ โดยกล่วว่าความรู้ที่ให้ประโยชน์มีสามชนิดด้วยกันคือ  ความรู้ที่เกี่ยวกับโองการกุรอาน ความรู้เกี่ยวบทบัญญัติศาสนาและความรู้เกี่ยวกับแบบฉบับของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล ฯ)

ประเด็นที่ 3 ผู้ที่พูดที่นำเสนอความรู้ให้ผู้อื่นจะรับในสิ่งที่ตนนำเสนอ ดังนั้นในขณะที่นำเสนอและอรรถาธิบายความรู้จะต้องคำนึงถึงสถานภาพของตัวเองด้วย 

หากพิจารณาจากสามประเด็นข้างต้นโดยพิจารณารวมกับคำกล่าวของท่านศาสนทูต ทำให้เข้าใจได้ว่า ความรู้ในมุมของท่านศาสนทูตแบ่งเป็นสามชนิดด้วยกัน คือรู้เกี่ยวกับหลักความเชื่อพื้นฐาน สองรู้เรื่องจริยธรรมและจรรยมารยาท

ตัวบทฮะดิษ :

عَنْ أَبِي الْحَسَنِ مُوسَى ع قَالَ دَخَلَ رَسُولُ اللّهِ ص الْمَسْجِدَ فَإِذَا جَمَاعَةٌ قَدْ أَطَافُوا بِرَجُلٍ فَقَالَ مَا هَذَا فَقِيلَ عَلّامَةٌ فَقَالَ وَ مَا الْعَلّامَةُ فَقَالُوا لَهُ أَعْلَمُ النّاسِ بِأَنْسَابِ الْعَرَبِ وَ وَقَائِعِهَا وَ أَيّامِ الْجَاهِلِيّةِ وَ الْأَشْعَارِ الْعَرَبِيّةِ قَالَ فَقَالَ النّبِيّ ص ذَاكَ عِلْمٌ لَا يَضُرّ مَنْ جَهِلَهُ وَ لَا يَنْفَعُ مَنْ عَلِمَهُ ثُمّ قَالَ النّبِيّ ص إِنّمَا الْعِلْمُ ثَلَاثَةٌ آيَةٌ مُحْكَمَةٌ أَوْ فَرِيضَةٌ عَادِلَةٌ أَوْ سُنّةٌ قَائِمَةٌ وَ مَا خَلَاهُنّ فَهُوَ فَضْلٌ‏

اصول كافى جلد 1 صفحه: 37 روايه :1 

 

You may also read!

คนมีปมด้อย

อิมาม ซอดิก (อ) กล่าวว่า ما مِنْ رَجُل تَجَبَّرَ أَؤ تَکَبَّرَ إلاّ لِذِلَّه یَجِدُها قِی نَفْسِهِ “ไม่มีคนใดที่แสดงความโอ้อวดและแสดงตนเหนือผู้อื่น นอกเสียจากว่าเขาพบปมด้อยที่มีในตัวของเขาเอง คำอธิบาย  มีผลสำรวจและคำยืนยันจากนักจิตวิทยาว่า ต้นตอของการโอ้อวดและการยกตนเหนือกว่าผู้อื่นมาจากปมด้อย  เป็นปมด้อยที่ผู้ที่ประสพกับปัญหาทางจิตนี้ต้องทนทุกข์ทรมาน  เพื่อเป็นการชดเชยและปกปิดปมด้อยของตัวเองจึงแสดงตนว่าเหนือกว่าผู้อื่นซึ่งถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่ง 

Read More...

อย่าโอหัง

  ما مِنْ رَجُل تَجَبَّرَ أَؤ تَکَبَّرَ إلاّ لِذِلَّه یَجِدُها قِی نَفْسِه อิมาม ซอดิก (อ) กล่าวว่า “ไม่มีคนใดที่แสดงความโอ้อวดและแสดงตนเหนือผู้อื่น นอกเสียจากว่าเขาพบปมด้อยที่มีในตัวของเขาเอง (more…)

Read More...

สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้า “แม่”

الجَنَّةُ تَحتَ أقدامِ الاُمَّهاتِ .حديث สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้าของ “แม่” ในมุมมองอิสลาม “แม่” คือของขวัญอันสูงค่าจากพระเจ้าและเป็นทูตสวรรค์บนโลกนี้ แม่ได้รับการยกย่องหลายครั้งทั้งในอัลกุรอานและหะดีษ (more…)

Read More...

Leave a reply:

Your email address will not be published.

Mobile Sliding Menu