ในประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ ความเชื่อเกี่ยวกับสถานะของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในยุคก่อนการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะในสังคมอาหรับ ยุคที่เรียกว่า “ญาฮิลิยะห์” หรือยุคแห่งความไม่รู้ ผู้หญิงถูกมองว่าต่ำต้อยและไร้ค่า การมีบุตรสาวในครอบครัวถูกมองว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย และในหลายกรณีทารกเพศหญิงยังถูกฝังทั้งเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวต้องเผชิญกับความอับอายขายหน้า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการขาดความเข้าใจในคุณค่าของมนุษย์และสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้หญิง
เมื่อศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแผ่ อิสลามได้ทำการล้มล้างความเชื่อผิดๆ เหล่านี้โดยชัดเจน หนึ่งในคำสอนที่สำคัญของศาสนาอิสลามคือการมองผู้หญิงและผู้ชายว่าเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันในด้านคุณค่า แม้จะมีบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่มีสิทธิและศักดิ์ศรีที่พึงได้รับอย่างเท่าเทียม ในสังคมอาหรับยุคก่อน อิสลามได้ยกระดับสถานะของผู้หญิง โดยการให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้หญิง เช่น สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน สิทธิในการศึกษา และสิทธิในการแต่งงาน นอกจากนี้ ยังห้ามการฝังลูกสาวเป็นๆ ซึ่งเป็นการปกป้องชีวิตของเด็กสาวจากการกระทำที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม
ในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะห์อันนะห์ล อายะห์ที่ 58 กล่าวถึงพฤติกรรมของชาวอาหรับยุคญาฮิลิยะห์ว่า:
“และเมื่อมีผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวดีว่าได้ลูกสาว ใบหน้าของเขาจะมืดมนและเต็มไปด้วยความโกรธ”
คำอธิบายของอายะห์นี้แสดงให้เห็นถึงความคิดในยุคนั้น ว่าการได้ลูกสาวถือเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าและน่าอับอาย แต่คำสอนของอิสลามกลับให้ความสำคัญกับลูกสาวและผู้หญิง ในหลายกรณี ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้กล่าวถึงความดีงามของผู้หญิงและความสำคัญของการเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างดี โดยท่านกล่าวว่าการเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างดีจะเป็นหนทางสู่สวรรค์
การล้มล้างความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับผู้หญิงในสังคมอาหรับไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงภายในสังคมนั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับสังคมมุสลิมในทุกยุคทุกสมัย ผู้หญิงได้รับการยอมรับในฐานะสมาชิกที่สำคัญของสังคม โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ศาสนา และครอบครัว ท่านฟาติมะห์ มะซูมะห์ (สลามุลลอฮฺ อะลัยฮา) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของผู้หญิงที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในสังคมของเธอ แม้ท่านจะเป็นเพียงหญิงสาวที่ยังไม่ถึงวัยผู้ใหญ่ แต่การเสียชีวิตของเธอทำให้เมืองทั้งเมืองต้องออกมาต้อนรับและให้เกียรติอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของเธอในสังคมมุสลิม
ในขณะที่ปัจจุบันการโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกอาจพยายามแสดงให้เห็นว่าอิสลามเป็นศาสนาที่กดขี่ผู้หญิง แต่ความจริงคือ อิสลามได้มอบสิทธิและเกียรติที่สูงส่งแก่ผู้หญิงตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายสังคมอื่นๆ ยังไม่สามารถทำได้ในเวลานั้น เมื่อเปรียบเทียบกับโลกตะวันตกในอดีต ที่ผู้หญิงถูกจำกัดสิทธิและถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินของผู้ชาย อิสลามได้มอบความเป็นตัวตนและสิทธิที่แท้จริงแก่ผู้หญิง และในปัจจุบัน หากเราเห็นเบื้องหลังของโลกตะวันตกที่พยายามแสดงภาพผู้หญิงในฐานะที่เท่าเทียม แต่ความจริงยังมีการกดขี่และการแสวงประโยชน์จากผู้หญิงในหลายรูปแบบ
ในท้ายที่สุด อิสลามได้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในคุณค่าของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นในบทบาททางศาสนา ครอบครัว หรือสังคม โดยมุ่งเน้นไปที่ความยุติธรรมและการให้เกียรติผู้หญิงในทุกด้าน