Site icon

ความประเสริฐของเวลาสะฮัร (เวลาก่อนรุ่งสาง)

متى_يكون_وقت_السحر

พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวถึง “ตักวา” (ความยำเกรง) ไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานด้วยคำที่ครอบคลุม หนึ่งในคำที่ใช้คือ “เสบียง” ดังที่พระองค์ตรัสว่า: “และจงจัดเตรียมเสบียงเถิด เพราะแท้จริงเสบียงที่ดีที่สุดคือความยำเกรง” (อัลบากอเราะฮ์ 197) ความหมายของ “เสบียง” ก็คือ ชีวิตและโลกที่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่ข้างหน้า และต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับโลกนั้นจากโลกนี้ น่าสงสารนักสำหรับผู้เดินทางที่ออกเดินทางโดยไร้เสบียง

พระผู้เป็นเจ้าได้เปิดประตูแห่งความเมตตาของพระองค์ในทุกโอกาสและทุกช่วงเวลา เพื่อให้เราได้เก็บเสบียงสำหรับการเดินทาง ฉะนั้นเราควรใช้โอกาสทุกครั้งเพื่อสะสมเสบียงสำหรับวันข้างหน้า

หนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการสะสมเสบียง คือช่วงคืนยาวของฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วง เราควรถือโอกาสนี้ไว้และใช้ประโยชน์จากมัน

ความเสียใจในขณะสิ้นลม หนึ่งในความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อคนใกล้ตาย คือการถูกแสดงให้เห็นสองสิ่ง คือ 1. การกระทำที่หากได้ทำไว้ จะนำพาเขาไปสู่สถานะทางจิตวิญญาณที่สูงส่ง 2. การกระทำที่หากไม่ได้ทำไว้ ก็จะทำให้เขาไปถึงสถานะนั้นได้เช่นกัน ความเสียใจนี้ หากแบ่งให้คนทั้งโลก ทุกคนก็จะพินาศ

หนึ่งในความเสียใจนั้นคือ การพลาดการทำอิบาดัตในเวลากลางคืน พระผู้เป็นเจ้าได้มอบรางวัลพิเศษให้แก่สองกลุ่มคนในอัลกุรอาน กลุ่มแรกคือ ผู้ที่อดทนในยามทุกข์ยากและความลำบาก พระองค์ตรัสว่า “แท้จริงผู้ที่อดทนจะได้รับรางวัลจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่มีข้อจำกัด”

กลุ่มที่สองคือ ผู้ที่ลุกขึ้นละหมาดในยามค่ำคืน พระองค์ตรัสว่า “ไม่มีจิตใจใดจะรู้ได้ว่าอะไรที่ถูกเตรียมไว้สำหรับพวกเขา” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “พวกเขาละทิ้งที่นอนของตนเพื่อทำอิบาดัต” ซึ่งหมายถึงความยากลำบากในการแยกตัวออกจากเตียงอันอบอุ่น

ท่านอิมามฮะซัน อัลอัสการี ได้กล่าวว่า “การเดินทางไปสู่พระผู้เป็นเจ้าเป็นการเดินทางที่ไม่อาจบรรลุได้หากปราศจากยานพาหนะคือช่วงเวลากลางคืน”

คำสอนจากท่านญิบรออีลแก่ท่านนบี ท่านนบีได้ขอให้ญิบรออีลกล่าวเตือนเขา ญิบรออีลจึงกล่าวว่า “โอ้ท่านมุฮัมมัด! จงมีชีวิตอยู่เท่าที่ท่านปรารถนา แต่สุดท้ายท่านจะตาย จงรักสิ่งใดก็ได้ แต่สุดท้ายท่านจะพรากจากมัน จงทำสิ่งใดก็ได้ เพราะในที่สุดท่านจะได้พบกับสิ่งที่ท่านได้ทำ”

ญิบรออีลยังกล่าวอีกว่า “เกียรติของผู้ศรัทธาคือการลุกขึ้นละหมาดในยามค่ำคืน และศักดิ์ศรีของเขาคือการพึ่งพาแต่พระผู้เป็นเจ้า และไม่หวังพึ่งพามนุษย์”

เวลาสะฮัร (เวลาท้ายคืน) เป็นเวลามงคล ช่วงท้ายของคืนหรือเวลาสะฮัรนั้นเป็นเวลาพิเศษที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดรับดุอาอ์ เพราะในเวลานั้นผู้ที่กระทำบาปต่างหลับใหล และบรรยากาศสะอาดบริสุทธิ์ อาจารย์ของเรา ท่านอายะตุลลอฮ์ อันซอรีย์ ชีรอซี ได้กล่าวว่า “น้ำแห่งชีวิตอยู่ในความมืดของคืน”

ในช่วงเวลาสะฮัร พระผู้เป็นเจ้าได้มอบผลตอบแทนทั้งทางจิตวิญญาณและทางโลกให้กับปวงบ่าวของพระองค์ บรรดาผู้รู้กล่าวว่า ถ้าอยากเข้าถึงสถานะทางจิตวิญญาณ ต้องมีการขลุกอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในยามค่ำคืน

สรุปแล้ว การละหมาดในยามค่ำคืนเป็นเหมือนกุญแจที่ปลดปล่อยมนุษย์จากพันธนาการของบาป และการทำอิบาดัตในช่วงเวลานี้เป็นหนทางที่จะเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าและความเมตตาของพระองค์

Exit mobile version