อัรบาอีน การแสวงบุญที่ใหญ่ที่สุดในโลก

In อะฮ์ลุลบัยต์

อัรบาอีน การแสวงบุญที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ทำไมเราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?

การเคลื่อนไหวเพื่อแสวงบุญนี้ไม่ใช่ฮัจญ์หรือเทศกาลมหากุมภะเมลาของชาวฮินดู การเคลื่อนไหวนี้เรียกว่า `อัรบาอีน’ และเป็นการรวมตัวที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากที่สุดในโลก คุณอาจไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน..

ไม่เพียงแต่การรวมตัวนี้จะมีจำนวนมากกว่าผู้แสวงบุญในมักกะฮ์เท่านั้น (มากกว่าฮัจญ์ 5 เท่า) ยังมีความสำคัญและน่าสนใจมากกว่าเทศกาล  ٌมหากุมภะเมลาٌ  ด้วย เนื่องจาก มหากุมภะเมลาจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวทุกสามปี แต่อัรบาอีนจัดขึ้นทุกปีและผู้เข้าร่วมในปีที่แล้วมีถึง 21.1 ล้านคน และกล่าวได้โดยชัดเจนก็คือ มันบดบังปรากฏการณ์การรวมตัวอื่น ๆ ของมนุษย์ทั้งหมดในโลกนี้ปัจจุบันนี้ไปแล้ว

ที่สำคัญที่สุดอัรบาอีนเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากที่สุดก็เนื่องจากถูกจัดขึ้นในสถานการณ์ตึงเครียดและอันตรายทางภูมิรัฐศาสตร์ มีกลุ่มก่อการร้ายอย่าง ISIS ที่ถือว่าชีอะอฮ์เป็นศัตรูทางสายเลือดที่สำคัญ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรทำให้กลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้โกรธเคืองมากไปกว่าการได้เห็นผู้แสวงบุญชาวชีอะฮ์รวมตัวกันเพื่อแสดงความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา

อัรบาอีนมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่ว่า ท่านจะเห็นได้ชัดว่าเป็นพิธีของชาวชีอะฮ์แต่ชาวซุนนีและแม้แต่ชาวคริสต์ , Yazidis, Zoroastrians ฯลฯ ก็มีส่วนร่วมในพิธีนี้ทั้งในฐานะผู้แสวงบุญและในฐานะผู้รับใช้ของผู้แสวงบุญด้วย

หากเราใส่ใจกับลักษณะเฉพาะของพิธีกรรมทางศาสนา เราจะเห็นว่าเหตุการณ์นี้มีความสำคัญเพียงใด และอัรบาอีนนี้น่าจะมีความหมายเดียวเท่านั้นคือ  ผู้คนทั้งหลายที่มาร่วม – โดยไม่คำนึงถึงสีผิวและเชื้อชาติ – ถือว่าฮุเซน บิน อาลี เป็นทุกสิ่งที่ครอบคลุม ไร้ขอบเขตและข้ามผ่านสัญลักษณ์ทางศาสนา เสรีภาพและการเสียสละ

แต่ทำไมเราไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับพิธีนี้เลย? อาจเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าสื่อโดยทั่วไปและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีอคติกับศาสนาอิสลาม ต้องการฉายภาพเชิงลบ สีดำและสุดขั้ว มากกว่าการเล่าเรื่องเชิงบวกและสิ่งที่สร้างความหวังกับผู้คน หากผู้ประท้วงต่อต้านการเข้าเมืองสองสามพันคนรวมตัวกันที่ถนนในลอนดอน พวกเขาจะตกเป็นข่าวพาดหัวตัวโต หรือการเดินขบวนเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงหรือการชุมนุมต่อต้านปูตินในรัสเซียจะได้รับความสนใจ แต่การรวมตัวของ 21.1 ล้านคนในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความอยุติธรรมนั้นกลับไม่มีพื้นที่ข่าวเลยไหนเลยแม้แต่ในสื่อกระแสหลัก

การเคลื่อนไหวที่งดงามนี้ถูกเก็บเงียบไว้แม้ว่ามันจะมีองค์ประกอบทั้งหมดของปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจ องค์ประกอบต่าง ๆ เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมที่มากมายน่าประทับใจ ความสำคัญทางการเมือง สภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด และความคิดริเริ่ม แต่ถ้าข่าวนี้หลุดมือบรรณาธิการฝ่ายข่าวก็คงจะเป็นเพราะกระทบกระเทือนในวงกว้าง

ในนิตยสาร independent magazine เขียนว่าในบรรดาผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับอิทธิพลจากอัรบาอีนคือเด็กชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เป็นที่ชัดเจนว่าไม่มีใครเปลี่ยนศาสนาของใครได้ง่าย ๆ  เขาเล่าว่า ทุกอย่างเริ่มต้นในปี 2546 คืนหนึ่งขณะที่เขากำลังดูข่าวความเคลื่อนไหวของผู้คนนับล้านที่มุ่งหน้าไปยังเมืองกัรบะลาอ์ เขาได้บังเอิญไปเจอชื่อบุคคลที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนคือ  “ฮุเซน” เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ และในเหตุการณ์ที่ถ่ายทำทั่วโลกโลกสามารถเห็นการเคลื่อนไหวที่ก่อนหน้านี้ถูกห้ามในอิรัก

เมื่อระบอบ Ba’athist และ Sunni ล่มสลายในอิรัก ผู้ชมชาวตะวันตกต่างอยากเห็นว่าชาวอิรักซึ่งตอนนี้เป็นอิสระจากการควบคุมของเผด็จการจะมีปฏิกิริยาอย่างไร “สาธารณรัฐแห่งความหวาดกลัว” ได้ล่มสลาย เด็กหนุ่มชาวออสเตรเลียรายนี้กล่าวว่า  เขาถามตัวเองอยู่เสมอว่ากัรบะลาอยู่ที่ไหน และทำไมทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังที่นั้น ฮุเซน คือใครที่สร้างความปรารถนาที่ทำให้ผู้คนมาคร่ำครวญถึงเขาหลังจากสิบสี่ศตวรรษ?

เด็กหนุ่มยังเล่าว่าสิ่งที่เขาเห็นในรายงานหกสิบวินาทีนั้นน่าตกตะลึง เพราะภาพนี้ไม่เหมือนที่เขาเคยเห็นมาก่อน ความผูกพันที่แน่นแฟ้นทำให้ผู้คนเป็นเหมือนเศษเหล็ก ยิ่งเข้าใกล้อำนาจแม่เหล็กของฮุเซน ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เด็กหนุ่มชาวออสเตรเลียยังกล่าวอีกว่า : หากคุณต้องการเห็นศาสนาที่ให้ชีวิตและมีชีวิต ให้มาที่กัรบะลา

เด็กหนุ่มยังเสิรมอีกว่ามันน่าฉงนมากที่ชายผู้ถูกฆ่าเมื่อ 1396 ปีก่อน ยังมีชีวิตอยู่และปัจจุบันจนคนนับล้านถือว่าความเจ็บปวดของเขาเป็นความเจ็บปวดของตัวเองด้วย?ชาวมุสลิมเรียก ฮุเซน หลานชายของ มุฮัมมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม ซัยยิดุชชุฮาดาฮ์ (นายของผู้พลีเพื่อศาสนา) เขาถูกฆ่าตายในกัรบะลาและในวันอาชูรอเพราะลุกขึ้นต้อต่อต้านผู้นำผู้ชั่วร้ายยาซิด เขาและครอบครัวของเขาถูกล้อมอยู่ในทะเลทรายโดยกองทัพ 30,000 คนและขาดอาหารและน้ำ และในที่สุดพวกเขาก็ถูกตัดศีรษะและร่างกายของพวกเขาก็ถูกม้าเหยียบ

Edward Gibbon นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษเขียนว่า : “เรื่องราวอันน่าสลดใจของ ฮุเซน ที่เสียชีวิตจะปลุกเร้าอารมณ์ของผู้อ่านที่อกหักทุกคน” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชาวชีอะต์ไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของฮุสเซนในวันอาชูรอและอัรบาอีน ในหลายประเพณีของอิสลาม การไว้ทุกข์เป็นเวลาสี่สิบวันถือเป็นเรื่องปกติ

เด็กหนุ่มกล่าวว่า ข้าพเจ้าเดินทางไปเมืองกัรบะลา เมืองของบรรพบุรุษของเรา เพื่อค้นหาว่าเหตุใดเมืองนี้จึงล้นหลามไปด้วยผู้คน ฉันสังเกตว่าแม้แต่เลนส์กล้องที่ใหญ่ที่สุดก็ยังเล็กเกินกว่าจะจับภาพจิตวิญญาณของชุมชนที่หลงใหลฮุเซนแต่สงบและปลอดภัยนี้ได้

ฝูงชนชายหญิง (ส่วนใหญ่สวมฮิญาบสีดำ) และเด็ก ๆ เติมเต็มจากปลายข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ประชากรมีขนาดใหญ่มากจนต้องปิดกั้นถนนหลายร้อยไมล์ ระยะทาง 425 ไมล์จากเมืองท่าบาสราถึงกัรบะลาเป็นทางยาวไกลที่ปกติจะเดินทางโดยรถยนต์ แต่สำหรับงานนี้ ผู้คนต้องเดินเท้า ผู้แสวงบุญใช้เวลาสองสัปดาห์เต็มในการเดินบนเส้นทางนี้ ผู้คนต่างวัยต่างเดินบนเส้นทางนี้ภายใต้แสงแดดที่แผดเผาในตอนกลางวันและความหนาวเย็นเข้ากระดูกในตอนกลางคืน เส้นทางไม่เรียบและผ่านจุดรวมตัวของผู้ก่อการร้ายและผ่านสถานที่อันตราย ผู้แสวงบุญไม่มีแม้แต่เครื่องมือพื้นฐานเพียงนำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไปพร้อมกับความรักอันร้อนแรงที่พวกเขามีต่อ ฮุสเซน โดยถือธงและป้ายที่บอกถึงจุดประสงค์ของการเดินทาง ป้ายที่บอกว่า “ชีวิตหลังฮุสเซนไร้ค่า”

ที่จริงข้อความนี้เป็นคำพูดที่กล่าวโดยอับบาส น้องชายของฮุเซนและเป็นผู้บัญชาการรบที่ฮุเซนไว้ใจ อับบาสก็ถูกฆ่าตายในสมรภูมิกัรบะลาในปีค.ศ. 680 เมื่อเขาพยายามไปตักน้ำให้หลานชายและหลานสาวของเขา

ส่วนหนึ่งของเส้นทางแสวงบุญที่ทำให้ผู้มาเยี่ยมเยียนทุกคนต้องตะลึงคือขบวนแห่หลายพันขบวนพร้อมครัวเคลื่อนที่ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเส้นทางแสวงบุญ ขบวนเป็นสถานที่ที่จัดให้ตามความต้องการของผู้แสวงบุญ ตั้งแต่อาหารสดไปจนถึงสถานที่พักผ่อน ตั้งแต่โทรศัพท์ระหว่างประเทศฟรีไปจนถึงเปลเด็ก ทุกอย่างฟรี อันที่จริงผู้แสวงบุญไม่จำเป็นต้องพกอะไรนอกจากเสื้อผ้าของพวกเขาในเส้นทาง 400 ไมล์นี้ ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านั้นคือวิธีที่ผู้แสวงบุญได้รับเชิญให้กินและดื่ม จะมีผู้คนเข้ามาขอร้องให้ผู้แสวงบุญยอมรับข้อเสนอของพวกเขา บ่อยครั้งข้อเสนอนี้รวมถึงบริการเต็มรูปแบบสำหรับกษัตริย์คนหนึ่ง ขั้นแรกให้นวดเท้าของคุณ จากนั้นพวกเขาก็ให้อาหารอร่อยแก่คุณ จากนั้นพวกเขาเชิญคุณพักผ่อนในขณะที่พวกเขาจัดไว้ ซักและรีดเสื้อผ้าของคุณ แน่นอนว่าพวกเขาทำทั้งหมดนี้ด้วยความภาคภูมิใจ

เพื่อให้ท่านเข้าใจเรื่องราวมากมายและให้ความสนใจกับประเด็นนี้ หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในเฮติและด้วยการสนับสนุนและความเห็นอกเห็นใจของชาวโลก โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติได้ประกาศว่าด้วยความพยายามอันยิ่งใหญ่ ได้ส่งมอบอาหารไปแล้วกว่าครึ่งล้านมื้อ กองทัพสหรัฐฯ ได้จัดหาทรัพยากรจำนวนมหาศาลจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางและประกาศว่าได้ส่งมอบอาหาร 4.9 ล้านมื้อให้กับชาวเฮติในช่วงห้าเดือนหลังภัยพิบัติ  ตอนนี้ถ้าเปรียบเทียบสิ่งนี้กับอาหารมากกว่า 50 ล้านมื้อต่อวันในช่วง อัรบาอีน ซึ่งเท่ากับประมาณ 700 ล้านมื้อตลอดระยะเวลาของกิจกรรมนี้ อาหารทั้งหมดเหล่านี้ไม่ได้จัดหาให้โดยองค์การสหประชาชาติหรือองค์กรการกุศลระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่โดยคนงานที่ยากจนและชาวนาที่รักการบริการผู้แสวงบุญและช่วยชีวิตตลอดทั้งปี มันไม่น่าสนใจหรอกหรือ

You may also read!

ความรู้ที่แท้จริง

รายงานจากท่านอิมามมูซากาซิมว่า เมื่อท่านศาสนทูตเดินเข้ามัสยิดเห็นคนกำลังนั่งล้อมชายคนหนึ่งอยู่ ท่านศาสนทูตถามพวกเขาว่า เกิดอะไรขึ้นหรือ พวกเขากล่าวตอบว่า ชายคนนี้คือ อัลลามะฮ์ ท่านศาสนทูตกล่าวถามว่า อัลลามะฮ์ คืออะไร ? บรรดาสาวกกล่าวตอบว่า เขาคือผู้รู้มากที่สุดในเรื่องเชื้อสายของชนชาวอาหรับ รู้ความเป็นมาของคนอาหรับในสมัยญาฮิลียะฮ์อีกทั้งรู้เรื่องบทกวีของชาวอาหรับเป็นอย่างดีด้วย ท่านศาสดามุฮัมมัดกล่าวว่า เหล่านี้คือศาสตร์ที่ไม่ได้ทำให้ผู้ไม่รู้เสียประโยชน์แต่อย่างใด หลังจากนั้นท่านศาสดากล่าวต่อว่า แท้จริงความรู้มีสามสิ่งด้วยกัน รู้โองการที่ชัดแจ้ง

Read More...

 อิมามอาลีกับความสมถะ

ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวกับท่านอิมามอะลีว่า (more…)

Read More...

คนมีปมด้อย

อิมาม ซอดิก (อ) กล่าวว่า ما مِنْ رَجُل تَجَبَّرَ أَؤ تَکَبَّرَ إلاّ لِذِلَّه یَجِدُها قِی نَفْسِهِ “ไม่มีคนใดที่แสดงความโอ้อวดและแสดงตนเหนือผู้อื่น นอกเสียจากว่าเขาพบปมด้อยที่มีในตัวของเขาเอง คำอธิบาย  มีผลสำรวจและคำยืนยันจากนักจิตวิทยาว่า ต้นตอของการโอ้อวดและการยกตนเหนือกว่าผู้อื่นมาจากปมด้อย  เป็นปมด้อยที่ผู้ที่ประสพกับปัญหาทางจิตนี้ต้องทนทุกข์ทรมาน  เพื่อเป็นการชดเชยและปกปิดปมด้อยของตัวเองจึงแสดงตนว่าเหนือกว่าผู้อื่นซึ่งถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่ง 

Read More...

Leave a reply:

Your email address will not be published.

Mobile Sliding Menu