อิมามโคมัยนีกับปรัชญาแห่งฮัจญ์

واعتصموابحبل اللةجميعاولاتفرقوا

จงยึดสายเชือกของอัลลอฮ์อย่างพร้อมเพรียงกัน และจงอย่าแตกแยกกัน

(ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน โองการที่ 103)

 

ในช่วงปลายศตวรรษที่ยี่สิบ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์โลกก็คือ การปฏิวัติอิสลามในประเทศอิหร่าน โดยการนำของท่านอายาตุลลอฮ์ โคมัยนี การปฏิวัติในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยนำหลักการของศาสนาอิสลามมาปกครองภายในประเทศอิหร่านเท่านั้น แต่มันกลับสร้างความเปลี่ยนแปลงและส่งผลทางความคิดให้กับผู้คนจำนวนมากมายในโลก จากการที่ผู้คนทั้งหลายเคยมีความรู้สึกก่อนหน้าว่าพวกเขา มีทางเลือกโดยอยู่ภายใต้การปกครองเพียงสองระบอบก็คือ ระบอบทุนนิยมแบบตะวันตก กับระบอบสังคมนิยมแบบตะวันออก แต่ด้วยกับการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านจึงทำให้นักคิด นักเขียน และผู้คนทั้งหลายบนโลกนี้หันกลับมาพิจารณากันใหม่อีกครั้งว่าย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ที่ไม่ต้องพึ่งพิงตะวันออก หรือตะวันตก และศาสนาก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับผู้คน เพราะก่อนหน้านั้นศาสนาถูกมองว่าเป็นสิ่งเสพติดมอมเมาประชาชน และที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้น มีนักปรัชญาร่วมสมัยบางคน บังอาจที่จะกล่าวว่าพระเจ้าได้ตายไปแล้ว ฉะนั้นการปฏิวัติอิสลามโดยท่านอิมามโคมัยนีในแท้ที่จริงก็คือ การเรียกร้องมนุษย์ให้กลับสู่ศาสนา หลังจากที่ระบอบการปกครองต่างๆ ไม่สามารถให้คำตอบกับประชาชนได้อย่างแท้จริง

 

ดังนั้นเมื่อมีการกล่าวถึงเรื่องของฮัจญ์ ทำให้ผู้ที่เคยได้อ่าน และเคยได้ยินถึงมุมมองทางความคิดของท่านอิมามโคมัยนี ตลอดจนการนำเสนออีกทั้งการเรียกร้องของท่านในเรื่องของฮัจญ์ ต้องหวนกลับมาคิดไตร่ตรองอีกครั้ง เนื่องจากว่า ท่านอิมามเป็นผู้ที่เรียกร้องให้บรรดาฮัจญีทั้งหลายต้องใส่ใจต่อรหัสยะ และปรัชญาอันแท้จริงของฮัจญ์ด้วย

 

พิธีกรรมฮัจญ์นอกจากที่ต้องปฏิบัติในบทบัญญัติที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นการครองชุดเอียห์รอม, การฏอวาฟ, การนมาซ, การวิ่งซะแอ, การกุรอบาน, การโกนศรีษะ, การที่ต้องอยู่ในดินแดนอารอฟะฮ์, มีนา ตลอดจนปฏิบัตอะมัลในมัสยิดอัลฮะรอม มวลมุสลิมควรได้รับประโยชน์ทั้งทางด้านการเมืองและสังคมควบคู่ไปด้วย ท่านอิมามโคมัยนีได้กล่าวในสาส์นของท่านที่ได้ให้กับฮุจญาจว่า  บุคคลทั่วไปย่อมรู้ดีว่าการประชุมใหญ่ของมวลมุสลิมที่เกิดขึ้นในฮัจญ์นั้นไม่มีบุคคลใดหรือรัฐบาลมีกำลังความสามารถที่จะจัดขึ้นมาได้ แต่ที่เกิดขึ้นได้ก็เนื่องมาจากพระบัญชาแห่งพระผู้เป็นเจ้า แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือในอดีตที่ผ่านมาอิสลาม และบรรดามุสลิมไม่สามารถที่จะได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมจากพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธินี้

 

ท่านอิมามยังได้กล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องการชุมนุมของบรรดาอัจญีในพิธีกรรมฮัจญ์นั้นมีประเด็นทางการเมืองแฝงอยู่อย่างมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การรับรู้ถึงปัญหาที่มีอยู่ในโลกอิสลามและปัญหาของบรรดามุสลิม การที่มีบรรดาอุลามาอ์ บรรดานักวิชาการ และบรรดาผู้ที่มีบทบาทในสังคมมุสลิมเข้าร่วมในพิธีฮัจญ์แต่ละปีจำนวนมากนั้นเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้พวกเขาปรึกษาหารือกันเพื่อหาทางแก้ไข เพื่อเวลาที่พวกเขากลับสู่ประเทศของตนนั้นพวกเขาจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นไป

 

หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญในพิธีกรรมฮัจญ์ก็คือการเรียกร้อง และเชิญชวนประชาชนรวมทั้งสังคมมุสลิมไปสู่ความเป็นเอกภาพ พร้อมทั้งขจัดปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ในหมู่ของบรรดามุสลิม บรรดานักเขียน, นักพูดและนักบรรยายทั้งหลาย ต้องเพียรพยายามทำสิ่งที่สำคัญนี้ให้ได้ ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ และคำขวัญที่ว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราทั้งหลายอยู่ภายนอกการครอบงำของเหล่าอำนาจของชัยฏอนที่มาในคาบของผู้บุกรุก พร้อมทั้งประกาศความเป็นภราดรภาพของบรรดามุสลิม

 

พี่น้องสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษที่รัก ไม่ว่าพวกท่านจะอยู่ในประเทศใดก็ตาม จำเป็นที่จะต้องพิทักษ์ความเป็นมุสลิมของเราเอาไว้ จะต้องไม่หวั่นเกรงศัตรูของพวกเรา ซึ่งหมายถึงมหาอำนาจของโลกตะวันออกและมหาอำนาจโลกตะวันตกรวมทั้งลัทธิไซออนิสต์ พวกท่านต้องปกป้องอิสลาม และประชาชาติอิสลาม พวกท่านต้องกลับไปหาความภาคภูมิใจในความเป็นมุสลิม

 

วันนี้ กิบละห์แห่งแรกของพวกเราถูกอิสราเอล ซึ่งถือเป็นมะเร็งเนื้อร้ายที่อยู่ในตะวันออกกลางยึดครอง

 

วันนี้ พี่น้องมุสลิมของเราไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ หรือเลบานอน ถูกสังหารฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด

 

วันนี้ อิสราเอลพยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พวกเราชาวมุสลิม

 

วันนี้ พี่น้องของเราชาวมุสลิมถูกประเทศมหาอำนาจกดขี่ข่มเหง และทรัพยากรทางธรรมชาติของเรายังถูกพวกเหล่านี้ปล้นสดมภ์

 

ฉะนั้น ปรัชญาของฮัจญ์จะต้องถูกนำมาปฏิบัติเพื่อเรียกร้องสิทธิคืนให้กับผู้ถูกกดขี่ทั้งมวล

 

การเดินเวียนสถานกะฮ์บะฮ์ (ตอวาฟ) เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกว่า เราจะไม่ยอมรับสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์ การปาเสาหินเป็นการแสดงออกถึงการปาชัยฏอนมารร้ายไม่ว่าจะมาจากญิน หรือมนุษย์ การปาเสาหิน การประกาศว่า เราจะขับไล่ผู้ที่มายึดครองดินแดนของพวกเรา

 

โอ้บรรดามุสลิมทั้งหลาย! โอ้ผู้ที่ยึดมั่นในองค์อัลลอฮ์!

 

สาเหตุที่ทำให้เราประสบกับความเลวร้ายเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากความแตกแยกของพวกเรา

 

ส่วนเคล็ดลับที่จะพาพวกเราไปสู่ชัยชนะ และความสำเร็จก็คือความเป็นเอกภาพ ความสมัครสมานสามัคคีในหมู่มุสลิม ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวย้ำไว้อย่างชัดเจนด้วยโองการหนึ่งที่ชัดเจนยิ่งก็คือ

 

واعتصموابحبل اللةجميعاولاتفرقوا

จงยึดสายเชือกของอัลลอฮ์อย่างพร้อมเพรียงกัน และจงอย่าแตกแยกกัน

(ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน โองการที่ 103)

 

นี่คือคำกล่าวหนึ่งของท่านอิมามโคมัยนีที่เรายังจัดจำได้ดี ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงปรัชญาหนึ่งของฮัจญ์ซึ่งก็คือ บะรออะฮ์ (การหนีออกห่าง) บรรดามุชริกีน พร้อมกับมุ่งไปสู่ยังเอกานุภาพของพระองค์อย่างแท้จริง ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บรรดามุสลิมที่ได้มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์ จะเข้าใจและรับรู้ถึงปรัชญาอันนี้

Exit mobile version